Last updated: 18 ก.พ. 2568 | 53 จำนวนผู้เข้าชม |
สวัสดีปี พ.ศ. 2568 หลังจากที่ผู้เขียนไม่ได้เขียนเรื่องราวๆ ต่างๆ มาสักพัก เนื่องจากภาระกิจจากการจัดทริป ออกทริป และการเรียนเพิ่มเติม วันนี้ได้โอกาสดีๆ มาบอกเล่าเรื่องราวในช่วงรอยต่อระหว่างปสิ้นปีและปีใหม่ของชาวญี่ปุ่น แต่ผู้เขียนต้องขอบอกก่อนนะคะว่า เป็นเรื่องรางส่วนตัวของผู้เขียนที่ได้ประสบเจอมา ซึ่งอาจจะไม่ใช่ประเพณีที่ถูกต้องตามแบบของชาวญี่ปุ่น
ผู้เขียนออกเดินทางด้วยสายการบินประจำชาติไทย มุ่งหน้าสู่เมืองโอซาก้าประเทศญี่ปุ่น โดยที่นี่กำลังจะเป็นเจ้าภาพจัดงาน World Expo 2025 ที่จะเปิดในช่วงเดือนเมษายนนี้เอง เมื่อเดินทางถึงสนามบินคันไซ สนามบินแห่งนี้มีขนาดไม่ใหญ่หากเปรียบเทียบกับสนามบินสุวรรณภูมิ และกำลังพัฒนาปรับปรุง เพื่อให้ทันการมาเยือนของนักท่องเที่ยวที่จะเข้ามาในช่วง World Expo จึงทำให้สนามบินที่มีเนื้อที่ไม่มาก จึงเล็กลงไปอีก (จริงๆ เมื่อปี 2567 ผู้เขียนเดินทางไปโอซาก้าหลายรอบซึ่งสนามบินคันไซได้รับกรปรับปรุงมาเรื่อยๆ นับปีก็ยังไม่เสร็จ)
เมื่อผู้เขียนผ่านกองตรวจคนเข้าเมือง และศุลกากรแล้วได้ไปทำการรับรถที่ใช้ในเการเดินทางครั้งนี้ จำนวน 8 วัน 7 คืน โดยที่พักที่เกียวโต อดีตเมืองหลวงเก่าของชาวญี่ปุ่น จำนวน 2 คืน เมืองทาคาย่ามา ที่มีชื่อเสียงเรื่องเต้าหู้ และข้าวญี่ปุ่น จำนวน 1 คืน เมืองกิฟู เมืองที่เป็นต้นกำเนิดของกบ เคโระ จำนวน 1 คืน และช้อปปิ้งแบบฉ่ำๆ ย่านนัมบะ อีก 4 คืน แต่เวลาก็มักจะเดินเร็นเสมอๆ ในมุมขอบของการเดินทางที่ก้าวไปถึงในแต่ละครั้ง ก็ยังเหลือมุมขอบให้เดินต่อไปอีกๆ เรื่อยๆ เสียจริง
การเช่ารถในช่วงฤดูหนาว และเดินทางไปยังเมืองที่ปกคลุมด้วยหิมะ การเลือกรถจึงจำเป็นต้องใช้รถที่มียางเป็นแบบสตั๊ท และในบางครั้งก็ต้องเป็นรถแบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสถานที่ที่จะเดินทางไป ครั้งนี้ผู้เขียนได้เช่ารถแบบครอบครัว เพราะมีผู้ร่วมเดินทางด้วยกัน 4 คน กำลังดีสำหรับคนไทยที่บ้าหอบฟางและชอบซื้อของ (ที่บอกว่าบ้าหอบฟาง คือ หอบจากไทยไป และหอบจากญี่ปุ่นกลับมาเพิ่มด้วย เดาว่าผู้อ่านคงนึกภาพออกเช่นกัน)
วันที่ 29 ธันวาคม หลังจากที่ได้รับรถก็เริ่มออกเดินทางสู่ พิพิธภัณฑ์สัตว์นำ้ไคยูกัง เป็นพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำขนาดใหญ่แห่งหนึ่งของญี่ปุ่น และในทวีปเอเชีย เป็นอาคารสูงขนาด 8 ชั้น การจัดนิทรรศการต่างๆ ตู้ปลา และอุโมงค์ทะเลเป็นที่น่าสนใจจนไม่รู้เลยว่าอาคารที่เข้าไปชมนั้นสูงถึง 8 ชั้น (จริงๆ ผู้เขียนไปมาหลายครั้ง แต่ไม่เคยรู้เลยว่าอาคารที่เข้าไปชมมีความสูงถึง 8 ชั้น) ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ใช้เวลาอยู่ภายในพิพิธภัณฑ์สัตว์นำ้นี้ ถึง 2 ชั่วโมง โดยปกติผู้เขียนจะใช่เวลาเดินแบบมองผ่านๆ ไม่เน้นถ่ายรูปนั้น ใช้เวลาเดินประมาณ 30 นาทีเห็นจะได้ บอกแบบนี้คงเดาออกนะคะว่าทีนี่ใหญ่ไม่เบา พิพิธภัณฑ์แห่งนี้เหมาะกับครอบครัวพาลูกหลานมาเยือน มีร้านค้าให้เลือกซื้อของที่ระลึกอยู่ 2 ร้านก่อนทางออกสู่ตัวอาคาร และเมื่ออกมาก็จะเป็นห้างสรรพสินค้าที่เน้นร้านอาหารเสียมากกว่าของใช้ ซึ่งสะดวกสบายมากๆ สำหรับนักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่น และชาวต่างชาติ ผู้เขียนแนะนำว่า ให้ซื้อตั๋วออนไลน์มาก่อนเพราะญี่ปุ่นคิวยาวๆ คนเยอะๆ และเปิดเป็นรอบๆ หากไม่ซื้อตั๋วออนไลน์มาก่อนก็รอกันไปยาวๆ เจากที่จะได้เที่ยววันละ 2 ที่ก็จะเหลือที่เดียวไปโดยปริยาย เพราะทุกที่จะมีแต่คิวให้ท่านได้ต่อเพื่อใช้บริการ อย่างเช่น ร้านอาหารแต่ละร้านในห้างสรรพสินค้าติดกับพิพิธภัณฑ์ ไม่ว่าจะร้านงไหน จะซื้อแบบถือกลับ หรือนั่งร้านล้วนแล้วแต่ต้อง รอ สะ ออ รอ เท่านั้นและเท่านั้น ดังนั้นจึงต้องจองตั๋วออนไลน์มาก่อน เพื่อลดเวลารอในส้วนต่างๆ ออกไป ในบริเวณนี้ยังมีชิงช้าสรรค์ให้นักท่องเที่ยวได้ขึ่นชมอ่าวโอซาก้า มองไปไม่ไกลก็จะเก็นทางไปโกเบ แต่ผู้เขียนยังไม่มีโอกาสได้ขึ้นเลยสุกครั้ง เพราะคิวยาวแบบวอแหวนมากมาย ..... (ทำไมไม่จองออนไลน์ละ อาจเพราะยังไม่อยากขึ้นก็อาจเป็นได้) เมือาผู้เขียนได้ชมโลกใต้นำ้ และรับประทานอาหารเรียบร้อยแล้วออกเดินทางสู่เมืองเกียวโต ที่ไม่มีเกียวโตขาย!!! มีแต่ถุงหูลู่ที่แสนอร่อย
ขับรถบนทางด่วนออกเดินทางเข้าสู่โรงแรมที่พักในเกียวโต ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.20 ชั่วโมง เพื่อเข้าเช็คอินในโรงแรมที่พัก ซึ่งเจ้าหน้าที่โรงแรมแรมได้อธิบายว่า เช้าวันที่ 1 มกราคม จะจัดรับประทานอาหารเช้า ณ ห้องประชุมของโรงแรมแทนห้องอาหารเช้าที่ใช้ปกติ ...... (โปรดติดตามตอนต่อไป)
29 พ.ค. 2566
14 พ.ย. 2567
26 มิ.ย. 2567
11 มิ.ย. 2567